L1 L2 L3 คือแรมที่มีความเร็วสูงมากๆ เอาไว้ให้ CPU Reader/Write เพื่อทำเป็นบัฟเฟอร์
เพราะการที่ CPU Read/write กับแรมภายนอกตรงๆมันจะช้ามากเนื่องจากความเร็วในการทำงานข องแรมภายนอกที่ช้ากว่า CPU มากๆ จึงเอาแรมพวกนี้มาคั่นเอาไว้เป็นบัฟเฟอร์ระหว่างแรมภายนอก
- เมื่อข้อมูลขนาดไม่ใหญ่มากก็เขียนลง L1 ก่อน (L1 คือแรมที่อยูไกล้กับ CPU มากที่สุด เร็วที่สุด และแพงที่สุด)
- เมื่อข้อมูลใหญ่เกิน L1 ก็ย้ายไปลงใน L2 ถ้าเกิน L2 ก็ย้ายไป L3 (L3 อยู่ไกลจาก CPU มากที่สุด ราคาอาจจะไม่แพงที่สุด อาจจะไม่เร็วที่สุด แต่ก็ถูกกว่าและเร็วกว่า Dynamic RAM) ทีนี้ถ้า L3 เต็มถึงจะย้ายจาก L3 ไป Dynamic RAM ครับ ทีนี้ถ้า Dynamic RAM เต็มทำยังไง คำตอบคือย้ายลง Harddisk
- เมื่อก่อนแรมระบบเครื่องบ้านๆ อาจจะไม่ได้เยอะเท่าปัจจุบัน เช่นแค่ 256MB เท่านั้น คนที่เคยใช้แรมจนเต็มนะพบว่าเครื่องถึงจะทำงานได้แต่ก็เต่ าลงมาก เนื่องจากกความเร็วในการที่ CPU ขนเอา Data ที่ปกติเคยทำบนแคช หรือแรมลงไปบนดิสก์มันช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วในการทำ งานของ CPU ครับ
เมื่อก่อน CPU อาจมีแคช L1 หรือ L2 แต่ปัจจุบันอาจมีได้ถึง L3 หรือ L4 ขึ้นกับคนออกแบบ CPU นอกจากนี้ขนาดของแคชก็มีการเพิ่มขนาดให้มากขึ้น เพื่อให้รองรับการทำงานของ CPU ได้ดีขึ้น เพราะแคชใหญ่ขึ้น CPU ไม่ต้องเสียเวลาย้าย Data จาก แคชไปลง RAM แต่เขียนกับแคชเลยระบบก็เลยเร็วขึ้นครับ แคชก็มีความจุเห มือนกันแรมครับเรียกหน่วยเป็น MB เหมือนแรมเช่นเดียวกัน แต่ต่างจากแรมตรงที่ไม่มีแบ่งขายและเพิ่มไม่ได้สำหรับตลาด บ้านๆ แต่จะรวมมาอยู่ในตัวของ CPU เลย อย่างน้อย ไม่เห็น L3 ก็ต้องมี L2 และ L1 แต่ถ้าดูดีๆใน spec ของ CPU ส่วนใหญ่จะบอกแค่ความจุของ แคชระดับที่อยู่ด้านนอกสุดความเร็วต่ำสุดเท่านั้น เพราะมันเป็นการตลาด (จะสังเกตได้ว่า คนขายมักไม่รู้ขนาด L1 และ L2 ครับ)