ลงทะเบียน
ใกล้กัน ช่วยให้คุณแชร์เรื่องราวต่างๆ กับผู้คนมากมาย

เปิดตำรา 5 คำคมๆ จาก นักธุรกิจ ที่รวยที่สุดในโลก 

นักธุรกิจ

อันดับที่ 1 : เจฟฟ์ เบซอส, CEO Amazon ($112 billion)

“ผมรู้ว่าถึงแม้ผมล้มเหลวผมก็จะไม่เสียใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องเสียใจก็คือการไม่ได้ลองลงมือทำ”

สำหรับวลีของเจฟฟ์ เบซอสที่เราคัดมานั้น ขอบอกเลยว่าตอบโจทย์หนึ่งในคุณสมบัติของการเป็นนักธุรกิจสุดๆ สงสัยไหมว่าทำไมเจฟฟ์ถึงได้เป็นคนที่มุ่งมั่น ไม่กลัวความล้มเหลว และสร้างธุรกิจให้เติบโตขนาดนี้ได้ เบื้องต้นเราสันนิษฐานว่าเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในสังคม และครอบครัวของเขานั่นเองที่ขัดเกลาให้เจฟฟ์เป็นคนแบบนี้

ชีวิตในวัยเด็กของเจฟฟ์ เบซอสก็เหมือนเด็กทั่วไปที่ครอบครัวมีฐานะปานกลาง อาจจะแตกต่างนิดหน่อยตรงที่พ่อแม่ของเขาแต่งงานกันเร็วไปน ิด และหย่ากันเร็วไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขากลายเป็นเด็กมีปัญหา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อเลี้ยง “ไมค์ เบซอส” ในช่วงวัยเด็กของเจฟฟ์นั้น เขาจะหมดเวลาไปกับการอ่านหนังสือ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ และทดลองเป็นชาวไร่ที่ฟาร์มของตาในเท็กซัส

โดยบุคคลที่เป็นแบบอย่างให้กับเจฟฟ์มากที่สุดก็คือตาของเข า เพราะการที่เขาได้ใช้ชีวิตคลุกคลีกับตาทำให้เขาเรียนรู้อะ ไรหลายๆ อย่าง จนทำให้เจฟฟ์กลายเป็นคนใฝ่รู้ ชอบความท้าทาย อยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และไม่กลัวการล้มเหลวไปโดยปริยาย

นักธุรกิจ

อันดับที่ 2 : บิล เกตส์, Co-founder Microsoft ($90 billion)

“อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครในโลกนี้ ถ้าคุณทำอย่างนั้น ก็แปลว่าคุณกำลังดูถูกตัวเอง”

สำหรับวลีของบิล เกตส์นั้น ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนสุดๆ ว่าการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ควรแข่งกับตัวเอง ทำชีวิตให้มันดีขึ้นจากเดิม ไม่ดูถูกตนเองด้วยการวิ่งตามความสำเร็จของคนอื่น

ชีวิตในวัยเด็กของบิล เกตส์นั้นก็ลูกคนมีเงินดีๆ นี่แหละค่ะ ได้เรียนโรงเรียนดีๆ การศึกษาดีๆ สังคมดีๆ แต่เห็นแบบนี้เขาไม่ใช่ลูกคุณหนูที่อยู่ในกรอบ อยู่ในระเบียบนะ แท้จริงแล้วบิลคือเด็กแสบต่างหาก! แว่วๆ มาว่าตอนอายุ 13 ปี เขาและเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ร่วมมือกันใช้เทเลไทป์ของโรงเรี ยนแก้ตารางเรียนของนักเรียนหญิงหน้าตาดีให้มาเข้าเรียนตรง กัน เข้าตำราเด็กซนคือเด็กฉลาดจริงๆ ค่ะ

สำหรับความสำเร็จในการทำธุรกิจของบิลนั้น เบื้องต้นเราสันนิษฐานว่าเป็นเพราะความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเอาใจใส่ให้กับคอมพิวเตอร์จนหมดใจมากกว่า ไม่ใช่เพราะฐานะทางบ้านแต่อย่างใด อย่างที่บิลได้บอกไปว่าอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบคนอื่น ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าตนเองรักอะไร คุณก็ต้องพยายามทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

นักธุรกิจ

อันดับที่ 3 : วอร์เรน บัฟเฟตต์, CEO Berkshire Hathaway ($84 billion)

“เมื่อคุณพบว่าตัวเองดิ่งลงไปในหลุม สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรทำคือ อย่าขุดหลุมนั้นให้ลึกกว่าเดิม”

จริงอยู่ที่ว่านักธุรกิจนั้นต้องกล้าได้ กล้าเสีย ไม่กลัวความล้มเหลว แต่บางครั้งเมื่อเกิดความล้มเหลวขึ้น ก็ไม่ควรที่จะหลับหูหลับตาเดินหน้าต่อ ควรหยุดคิดพิจารณาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แล้วเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันด้วย

สำหรับชีวิตในวัยเด็กของวอร์เรนนั้น แม้ว่าฐานะทางบ้านจะค่อนข้างร่ำรวย แต่การใช้ชีวิตของวอร์เรนกลับค่อนข้างสมถะ และสู้ชีวิตมาก เนื่องจากเขามีต้นแบบในการดำเนินชีวิตมาจาก โฮเวิร์ด พ่อของเขาที่เป็นคนขยัน อดทน วอร์เรนจึงใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเป็นเด็กส่งห นังสือพิมพ์ เมื่อมีพ่อเป็นต้นแบบ แน่นอนว่าวอร์เรนเองก็เป็นนักลงทุนตามรอยพ่อด้วยเช่นกัน

โดยนิสัยในการลงทุนของวอร์เรนนั้นก็เป็นไปตามวลีเด็ดที่เร านำมาเสนอในวันนี้ด้วย นั่นก็คือการที่เขาซื้อหุ้น Berkshire Hathaway (BRK) เพราะราคาต่ำมากและคาดว่าผู้บริหารจะซื้อหุ้นคืน แต่ผู้บริหารกลับผิดคำพูดโดยการซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าที่ บอก วอร์เรนจึงซื้อหุ้นเพิ่มจนได้ครอบครองกิจการ เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่แยบยลสุดๆ

นักธุรกิจ

อันดับที่ 4 : เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์, Chairman and CEO, Louis Vuitton ($72 billion)

“ผมไม่โปรโมตตัวเอง แต่ผมโปรโมตแบรนด์ของผม”

สำหรับวลีนี้ rabbit financeค่อนข้างเห็นด้วยที่จะบอกว่าการโฟกัสกับธุรกิจ เน้นการโปรโมทแบรนด์นั้นค่อนข้างสำคัญ อย่าลืมค่ะว่าเราทำธุรกิจ ยิ่งเราทำการตลาดได้ดีเท่าไหร่ มูลค่าธุรกิจของเราก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ครอบครัวของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์นั้นค่อนข้างที่จะร่ำรวย พ่อเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้าง ทำให้ตัวเขาคุ้นชินกับการทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก เบอร์นาร์ดเริ่มฉายแววนักธุรกิจด้วยการขายบริษัทก่อสร้างข องพ่อแล้วทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เมื่อธุรกิจนี้ไปได้ดีแล้วเริ่มทำเงินมากพอแล้ว เขาก็ขายกิจการ และเทคโอเวอร์บริษัท Financière Agache ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำสินค้าหรูหรา เนื่องจากเห็นว่าสินค้าหรูน่าจะทำเงินได้ดี

ที่น่าสนใจก็คือ แท้จริงแล้วเบอร์นาร์ดไม่ใช่นักบริหารที่โดดเด่นเลย เขาแค่เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการเทคโอเวอร์ และเลือกคนมาบริหารบริษัทที่เขาเทคโอเวอร์ไปเก่ง ซึ่งก็รวมไปถึงการเลือกเหล่าดีไซน์เนอร์เข้ามาในสังกัดด้ว ย เรียกได้ว่าเป็นการโปรโมทแบรนด์ที่แท้ทรู

นักธุรกิจ

อันดับที่ 5 : มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก, Co-founder, Chairman and CEO, Facebook ($71 billion)

“ใครบางคนฝันถึงความสำเร็จ ในขณะที่คนอื่นกำลังตื่นอยู่และทำงานอย่างหนัก”

สำหรับวลีของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่เรานำมาฝากนั้นขอบอกเลยว่าจริงที่สุด! ในการทำธุรกิจของตนเองให้สำเร็จ สิ่งแรกที่เราควรทำคือลุยกับมันให้เต็มที่ ไม่ใช่ดีแต่เพ้อฝันถึงความสำเร็จไปวันๆ โดยไม่ลงแรงอะไร

ภูมิหลังในวัยเด็กของมาร์คนั้น ต้องบอกก่อนว่าเขาคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในตระกูลคุณหมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดในครอบครัวหมอ แต่มาร์คดันตกหลุมรักเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก โชคดีที่พ่อของเขาสนับสนุน และจ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ชื่อ เดวิด นิวแมน มาสอนเป็นการส่วนตัว ทำให้เส้นทางการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของมาร์คเป็นไปได้ ดี

นอกจากการสนับสนุนของคนในครอบครัวแล้ว ก็ตัวของมาร์คเองนี่ล่ะที่ทำให้เขาเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ต้องชื่นชมความรัก และความทุ่มเทในการทำงานของเขาจริงๆ 

และนี่ก็คือ 5 โควทเด็ดจาก 5 นักธุรกิจระดับโลก ที่ rabbit finance นำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ แม้ว่าในแต่ละโควทที่นำมาเสนอจะมีมุมมอง ความคิดที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ในการดำเนินธุรกิจคงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็นคนมุ่งมั่น ไม่กลัวความล้มเหลว พร้อมแก้ไขปัญหาทุกสถานการณ์อย่างมีสติ

และที่สำคัญคืออย่ามัวแข่งกับคนอื่น คุณแค่ต้องแข่งกับตนเองค่ะ เพราะอุปสรรคในการประสบความสำเร็จในชีวิตที่น่ากลัวที่สุด ก็คือตัวเราเองนั่นล่ะ

Captcha Challenge
ลองรูปภาพใหม่
Type in the verification code above